Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

พัดยศและสมณศักดิ์

Posted By Plookpedia | 04 เม.ย. 60
1,789 Views

  Favorite

พัดยศและสมณศักดิ์

      ในส่วนของพัดยศนั้นกล่าวได้เช่นกันว่ามีพัฒนาการจากพัดใบตาลอย่างเดียวกับตาลปัตรแต่พัดยศมีความวิจิตรงดงามและมีลักษณะแตกต่างจากตาลปัตรธรรมดาทั่ว ๆ ไปเนื่องจากเป็นพัดที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดให้ทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อพระราชทานแก่พระสงฆ์ที่ทรงเลื่อมใสศรัทธา ต่อมาจึงกลายเป็นพัดที่พระราชทานแก่พระสงฆ์ที่ทรงแต่งตั้งให้มีสมณศักดิ์เพื่อเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศร่วมกับเครื่องประกอบอื่น ๆ ตามแต่ลำดับชั้นสมณศักดิ์  ดังนั้นพัดยศและสมณศักดิ์ของพระสงฆ์จึงมีความสัมพันธ์กันและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพระเจ้าแผ่นดินในการบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนอย่างหนึ่ง

ธรรมเนียมการสถาปนาสมณศักดิ์

      ธรรมเนียมปฏิบัติที่พระเจ้าแผ่นดินทรงแต่งตั้งพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งที่มีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฎกมีศีลาจริยวัตรงดงามให้มีสมณศักดิ์โดยมีราชทินนามและพระราชทานพัดยศนั้นเป็นธรรมเนียมที่มีมาช้านานในลังกาซึ่งไทยรับแบบอย่างมาดังมีหลักฐานปรากฏในหนังสือจารึกกัลยาณีซึ่งหอพระสมุดจัดพิมพ์ทั้งอรรถและคำแปลเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘ ความว่า

      "พระเจ้าหงษาวดีรามาธิบดี (ธรรมเจดีย์ปิฎกธร) ซึ่งเสวยราชย์ร่วมสมัยกับรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถประสงค์จะฟื้นพระศาสนาในรามัญประเทศ แต่งทูตพาพระเถระมอญ ๒๒ รูป ไปยังสิงหฬทวีปให้ไปบวชแปลงเป็นนิกายลังกาวงศ์ เมื่อบวชแปลงเสร็จแล้วพระเจ้าภูวเนกพาหุซึ่งครองกรุงสิงหฬ อยู่ ณ เมืองโคลัมโบเป็นราชธานีทรงตั้งพระเถระมอญเหล่านั้นให้มีราชทินนามต่าง ๆ จะยกพอเป็นตัวอย่างเช่นตั้งพระโมคคัลลานะเถระเป็นที่พระศิริสังฆโพธิสามิและพระราชทาน 'ของควรแก่สมณ' หลายอย่าง อย่างหนึ่งในคำแปลว่า 'ตาลปัตรมีด้ามอันแล้วด้วยงา อันนายช่างกลึงผู้ฉลาดกลึงเป็นอันดีแล้วองค์ละอันหนึ่ง' ตาลปัตรลังกาอย่างที่ว่านี้เป็นของโบราณมีอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานในกรุงเทพเป็นพัดพื้นแพรรูปคล้ายพัดรองไทยด้ามงากลึงสั้นกว่าแต่ใหญ่เท่าด้ามพัดรองไทย"

สถาบันพระมหากษัตริย์กับการสถาปนาสมณศักดิ์ 

       สมณศักดิ์ คือ ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานและมีราชทินนามมีหลายชั้นแต่ละชั้นมีพัดยศประกอบการสถาปนาพระสงฆ์รูปใดให้มีสมณศักดิ์และให้มีตำแหน่งปกครองคณะสงฆ์เป็นธรรมเนียม ที่พระเจ้าแผ่นดินทรงปฏิบัติมาเป็นเวลาช้านานตั้งแต่สุโขทัยจวบจนปัจจุบัน สมณศักดิ์ของพระหากเทียบกับฝ่ายข้าราชการก็คือยศและบรรดาศักดิ์นั่นเอง
       ในสมัยสุโขทัยซึ่งพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์เริ่มได้รับความเลื่อมใสอย่างมากมีคณะสงฆ์เดินทางไปบวชแปลงที่ลังกาจำนวนหนึ่งและมีพระนัดดาองค์หนึ่งของพ่อขุนผาเมืองได้ไปบวชแปลงที่ลังกาและมีราชทินนามที่ได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ลังกาด้วย คือ สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฑามณีศรีรัตน-ลังกาทวีปมหาสามีเป็นเจ้า จากหลักฐานในจารึกหลักต่าง ๆ จะพบว่าพระสงฆ์ในสมัยสุโขทัยตอนต้นและในแถบล้านนาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ได้เริ่มแผ่ขยายเข้ามายังดินแดนประเทศไทย พระสงฆ์ที่ได้ทรงแต่งตั้งให้มีสมณศักดิ์ในราชทินนามจะมีคำว่า มหาเถระ มหาสามี มหาสวามี พระมหาสวามีสังฆราช ตัวอย่างของพระเถระลังกา เช่น ในจารึกหลักที่ ๔๕ ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๒ (พ.ศ. ๑๙๑๑ - ๑๙๔๒) มีพระเถระผู้ใหญ่ที่ปกครองดูแลคณะสงฆ์ ๒ คณะ คือ สมเด็จพระมหาเถรสังฆราชรัตนวงศาจารย์ เป็นเจ้าคณะใหญ่ของพระสงฆ์ฝ่ายคามวาสี (คือ คณะสงฆ์ที่อยู่ในตัวเมืองและรอบ ๆ เมืองหลวง) และพระมหาเถรสุเมธังกร พระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายอรัญวาสี (คือ คณะสงฆ์ที่อยู่นอกเมืองและเป็นพระนักปฏิบัติ) ส่วนจารึกหลักที่ ๙ ซึ่งตรงกับสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๓ (พ.ศ. ๑๙๔๒ - ๑๙๖๒) ก็กล่าวถึงพระเถระผู้ใหญ่ซึ่งมีราชทินนามว่า พระสังฆราชญาณรุจีมหาเถระ หัวหน้าคณะฝ่ายคามวาสีและพระบรมครูติโลกดิลก ติรัตนศีลคันธวนวาสี ธรรมทิตติสังฆราชมหาสวามีเจ้า หนังสือประชุมพระนิพนธ์เกี่ยวกับตำนานทางพระพุทธศาสนาของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวถึงการปกครองคณะสงฆ์สมัยสุโขทัยว่า "เมื่อพระนครสุโขทัยเป็นราชธานีเห็นจะมีพระสังฆราชกว่าองค์เดียว ด้วยวิธีปกครองพระราชอาณาจักรในครั้งนั้นหัวเมืองใหญ่ที่ห่างไกลราชธานีเป็นเมืองประเทศราชโดยมากแม้เมืองที่อยู่ใกล้ราชธานีที่เป็นเมืองใหญ่ก็ตั้งเจ้านายในพระราชวงศ์ออกไปปกครองอย่างทำนองเจ้าประเทศราชเมืองใหญ่เมืองหนึ่งน่าจะมีพระสังฆราชองค์หนึ่งไปเป็นสังฆปริณายกของสังฆบริษัทตลอดเขตเมืองนั้น" ในสมัยสุโขทัยนี้ตำแหน่งพระสังฆราช (ปัจจุบันนี้ หมายถึง สมณศักดิ์สูงสุดของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาและมีเพียงองค์เดียว) จึงเป็นเพียงตำแหน่งปกครองสงฆ์เฉพาะเขตเมืองใหญ่ที่สำคัญ ๆ แต่ละเมืองที่ "พ่อขุน" จะสถาปนาพระเถระผู้ใหญ่ให้ไปปกครองดูแล
      ในสมัยอยุธยาเมื่อมีการแบ่งคณะสงฆ์ฝ่ายคามวาสีออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือและมีการเปลี่ยนราชทินนามของพระสงฆ์ที่ทรงแต่งตั้งให้ดูแลคณะสงฆ์คามวาสีฝ่ายใต้หรือเจ้าคณะใหญ่ว่า "พระวันรัตน์" หรือ "พระพนรัตน์" (ปัจจุบันนี้ใช้ว่าสมเด็จพระวันรัต) ส่วนพระสงฆ์ที่ทรงแต่งตั้งให้ดูแลคณะสงฆ์คามวาสีฝ่ายเหนือหรือเจ้าคณะใหญ่มีราชทินนามว่า "พระพุทธโฆษาจารย์"  และพระสงฆ์ที่ทรงแต่งตั้งให้ดูแลคณะสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีให้มีราชทินนามว่า "พระพุทธาจารย์" (ปัจจุบันใช้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์) และทรงสถาปนาพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งเลื่อนจากเจ้าคณะใหญ่รูปใดรูปหนึ่งเป็น "สมเด็จพระสังฆราช" โดยเป็นสมณศักดิ์และประมุขสูงสุดดูแลปกครองพระสงฆ์ทั่วราชอาณาจักรเพียงองค์เดียว
      ในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ยังคงมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประมุขสูงสุดฝ่ายสงฆ์และมีพระสงฆ์ที่ทรงสถาปนาให้มีสมณศักดิ์ชั้นรอง ๆ ลงไปบางรูปให้มีตำแหน่งในการปกครองสงฆ์ด้วยโดยพระราชอำนาจในการสถาปนาสมณศักดิ์นี้เป็นของพระมหากษัตริย์ที่จะทรงพิจารณาแต่งตั้ง ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ (พ.ศ. ๒๔๔๕) ทำให้มีองค์กรสงฆ์ที่เรียกว่า มหาเถรสมาคม ขึ้นเป็นครั้งแรกแต่การแต่งตั้งสมณศักดิ์ยังคงเป็นไปตามพระราชอำนาจ  ต่อมาในสมัยหลังประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๐ วิธีปฏิบัติในเรื่องการพิจารณาพระสงฆ์รูปใดเพื่อทรงแต่งตั้งให้มีสมณศักดิ์เปลี่ยนแปลงไปเป็นเรื่องของฝ่ายคณะสงฆ์ที่จะพิจารณาแล้วกราบบังคมทูลให้ทรงทราบและพระราชทานสมณศักดิ์ อย่างไรก็ดีสมณศักดิ์ที่พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งได้รับก็ยังคงเป็นการรับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์โดยจะพระราชทานสมณศักดิ์และพัดยศในการพระราชพิธีสำคัญ ๆ ประจำปี ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา การพระราชทานพัดยศในการตั้งเปรียญธรรมก่อนวันวิสาขบูชาหนึ่งวันหรือในการพระราชพิธีในโอกาสพิเศษ เช่น ในการพระราชพิธีกาญจนาภิเษกแต่มีสมณศักดิ์บางลำดับชั้น ที่สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งหรือพระราชาคณะแต่งตั้งด้วย

ลำดับสมณศักดิ์พระสงฆ์ไทยปัจจุบัน

ลำดับสมณศักดิ์พระสงฆ์ไทยนับแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมามีการจัดลำดับและชื่อตำแหน่งสมณศักดิ์ไว้ดังนี้
      ๑. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
      ๒. สมเด็จพระราชาคณะ เจ้าคณะใหญ่ชั้นสุพรรณบัฏมีจำนวนที่กำหนดไว้ ๘ รูป เป็นฝ่ายมหานิกาย ๔ รูป และฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ๔ รูป ราชทินนามของสมเด็จพระราชาคณะชั้นนี้ เช่น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระวันรัต สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ สมเด็จพระมหามุนี สมเด็จพระมหาธีราจารย์
      ๓. พระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏมีจำนวนที่กำหนดไว้ ๒๐ รูป เป็นฝ่ายมหานิกาย ๑๓ รูป และธรรมยุติกนิกาย ๗ รูป ราชทินนามของพระราชาคณะชั้นนี้ เช่น พระศาสนโสภณ พระญาณวโรดม พระพรหมมุนี พระสุธรรมาธิบดี
      ๔. พระราชาคณะชั้นธรรมมีจำนวนที่กำหนดไว้ ๔๕ รูป เป็นฝ่ายมหานิกาย ๓๐ รูป และฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ๑๕ รูป ราชทินนามของพระราชาคณะชั้นนี้ เช่น พระธรรมโสภณ พระธรรมโกศาจารย์ พระธรรมราชานุวัตร พระธรรมคุณาภรณ์
      ๕. พระราชาคณะชั้นเทพมีจำนวนที่กำหนดไว้ ๘๖ รูป เป็นฝ่ายมหานิกาย ๕๖ รูป และฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ๓๐ รูป ราชทินนามของพระราชาคณะชั้นนี้ เช่น พระเทพมงคลเมธี พระเทพวิสุทธิโมลี พระเทพเวที พระเทพโสภณ
      ๖. พระราชาคณะชั้นราชมีจำนวนที่กำหนดไว้ ๑๘๙ รูป เป็นฝ่ายมหานิกาย ๑๓๕ รูป ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ๕๔ รูป ราชทินนามของพระราชาคณะชั้นนี้ เช่น พระราชปัญญาโมลี  พระราชวิสุทธาจารย์ พระราชวรเมธี พระราชปัญญาภรณ์
     ๗. พระราชาคณะชั้นสามัญมีจำนวนที่กำหนดไว้ ๔๗๗ รูป เป็นฝ่ายมหานิกาย ๓๔๘ รูป ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ๑๒๙ รูป ราชทินนามของพระราชาคณะชั้นนี้ เช่น พระจริยเวที พระอินทโมลี พระวินัยการกวี พระนิมมานโกวิท พระราชาคณะชั้นสามัญนี้ยังแบ่งเป็น ๔ ฝ่าย คือ ชั้นสามัญที่เป็นเปรียญ ชั้นสามัญเทียบเปรียญ ชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนา และชั้นสามัญยก ซึ่งชั้นสามัญยกนี้สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษ
๘. พระครู ตำแหน่งสมณศักดิ์ชั้นพระครู แบ่งเป็น ๓ ชั้น คือ  

  • พระครูชั้นสัญญาบัตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งและพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศมีราชทินนามต่อท้าย เช่น พระครูสุนทรธรรมวิฑูร พระครูศาสนภารพินิจ   
  • พระครูฐานานุกรม คือ พระสงฆ์ที่พระราชาคณะตั้งแต่ชั้นราชขึ้นไปแต่งตั้งจากพระรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นสมควรตามจำนวนที่มีระบุไว้ในสัญญาบัตร คือ ที่มีพระบรมราชานุญาตไว้ ไม่มีพัดยศ และไม่มีสัญญาบัตร
  • พระครูชั้นประทวน เป็นพระสงฆ์ที่คณะสงฆ์แต่งตั้งเนื่องจากได้ทำคุณประโยชน์แก่ศาสนา ประเทศชาติ ไม่มีราชทินนาม ไม่มีสัญญาบัตรมีแต่ใบประกาศแต่งตั้งและไม่มีพัดยศ

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow